หนุ่มสาวถามว่า

จะฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้ยังไง?

เล่น

ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเหมือนกับอะไร?

จีพีเอส (GPS)
กระจก
เพื่อน
ผู้พิพากษา

คำตอบก็คือทั้งหมดที่ว่ามานั่นแหละ บทความนี้จะอธิบายว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีคืออะไร?

ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นความรู้สึกในตัวเราที่บอกว่าอะไรถูกอะไรผิด คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามันเป็นเหมือน ‘กฎหมายที่อยู่ในใจ’ (โรม 2:15) ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะบอกเราว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำหรือสิ่งที่เราทำไปแล้วถูกหรือผิด

ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นเหมือนจีพีเอส (GPS) มันจะช่วยนำทางคุณไม่ให้เจอกับปัญหาและอยู่บนทางที่ถูกต้อง
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นเหมือนกระจก มันทำให้คุณรู้ว่าคุณเป็นคนดีมีศีลธรรมอยู่ไหม และมันทำให้คุณรู้ว่าคุณเป็นคนยังไงจริง ๆ
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นเหมือนเพื่อนที่ดี มันจะช่วยแนะนำคุณและช่วยให้คุณตัดสินใจดีได้ถ้าคุณฟังมัน
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นเหมือนผู้พิพากษา มันจะบอกคุณตอนที่คุณทำผิด

ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีช่วยคุณให้ตัดสินใจอย่างฉลาดได้

จุดสำคัญคือ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยคุณให้ (1) ตัดสินใจได้อย่างฉลาด (2) รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำพลาดไปและพยายามแก้ไขมันให้ดีขึ้น

ทำไมต้องฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดี?

คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เรา “อย่าทำสิ่งที่รบกวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดี” (1 เปโตร 3:16) คุณคงทำแบบนั้นได้ยากถ้าคุณไม่เคยฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณ

“ฉันโกหกพ่อแม่และไม่ยอมบอกว่าตัวเองอยู่ไหน ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่พอมาทีหลังฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน”—เจนนิเฟอร์

ในที่สุดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเจนนิเฟอร์ก็ทำให้เธอบอกความจริงกับพ่อแม่

ลองคิดดู ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเจนนิเฟอร์น่าจะเตือนเธอตั้งแต่ตอนไหน?

“มันเครียดมากที่จะใช้ชีวิตแบบตีสองหน้า พอความรู้สึกผิดชอบชั่วดียอมให้คุณทำผิดครั้งนึง มันก็ง่ายมากที่จะมีครั้งต่อ ๆ ไปตามมา”—แมทธิว

บางคนไม่สนใจความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองเลย “พวกเขาไม่รู้สึกละอายต่อบาป”—เอเฟซัส 4:19

ลองคิดดู คนที่ไม่รู้สึกผิดอะไรเลยกับสิ่งที่ตัวเองทำมีชีวิตที่ดีกว่าจริง ๆ ไหม? ในที่สุดเขาจะเจอปัญหาอะไรบ้าง?

จุดสำคัญคือ ถ้าคุณไม่อยากให้อะไรมารบกวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดี คุณก็ต้อง “ฝึกใช้ความคิดจนแยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิด”—ฮีบรู 5:14

จะฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้ยังไง?

เพื่อคุณจะฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดี คุณก็ต้องมีมาตรฐานอะไรสักอย่างที่เอาไว้เปรียบเทียบว่าสิ่งที่คุณทำมันถูกหรือผิด บางคนใช้มาตรฐานของ

ครอบครัวและวัฒนธรรมของคนรอบข้าง
เพื่อน
คนดัง

แต่มาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิลดีกว่านั้นมาก ไม่แปลกที่เป็นอย่างนั้น เพราะคัมภีร์ไบเบิล “พระเจ้าดลใจให้เขียนขึ้นมา”พระองค์เป็นผู้ที่สร้างเราและรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเรา—2 ทิโมธี 3:16

ให้เรามาดูบางตัวอย่างด้วยกัน

มาตรฐาน “เราตั้งใจจะประพฤติตัวซื่อสัตย์ในทุกเรื่อง”—ฮีบรู 13:18

มาตรฐานนี้จะมีผลต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณยังไงเมื่อคุณถูกล่อใจ เมื่อคุณมีโอกาสโกงข้อสอบ โกหกพ่อแม่ หรือขโมยของคนอื่น?
ถ้าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีบอกคุณให้ซื่อสัตย์ในทุกเรื่อง คุณคิดว่ามันจะมีประโยชน์กับคุณยังไงทั้งตอนนี้และในอนาคต?

มาตรฐาน “หนีให้ไกลจากการผิดศีลธรรมทางเพศ”—1 โครินธ์ 6:18

มาตรฐานนี้จะมีผลต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณยังไง เมื่อคุณถูกล่อใจให้ดูสื่อลามกหรือมีเซ็กซ์ก่อนแต่งงาน?
ถ้าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีบอกคุณให้หนีจากการผิดศีลธรรมทางเพศ คุณคิดว่ามันจะมีประโยชน์กับคุณยังไงทั้งตอนนี้และในอนาคต?

มาตรฐาน “ให้กรุณาต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน ให้อภัยกันอย่างใจกว้าง”—เอเฟซัส 4:32

มาตรฐานนี้จะมีผลกับคุณยังไงถ้าคุณมีปัญหากับเพื่อนหรือพี่น้อง?
ถ้าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีบอกให้คุณให้อภัยและเห็นอกเห็นใจ คุณคิดว่ามันจะมีประโยชน์กับคุณยังไงทั้งตอนนี้และในอนาคต?

มาตรฐาน “พระยะโฮวา . . . เกลียดคนที่ชอบความรุนแรง”—สดุดี 11:5

มาตรฐานนี้จะมีผลกับคุณยังไงตอนที่คุณตัดสินใจว่าจะดูหนัง รายการทีวี หรือเล่นเกมอะไร?
ถ้าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีบอกให้คุณปฏิเสธความบันเทิงที่รุนแรง คุณคิดว่ามันจะมีประโยชน์กับคุณยังไงทั้งตอนนี้และในอนาคต?

ประสบการณ์จริง “เพื่อน ๆ ของผมชอบเล่นเกมที่รุนแรง และผมก็เล่นกับเขาด้วย แต่ต่อมาพ่อก็บอกว่าผมเล่นเกมแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ผมก็เลยไปแอบเล่นที่บ้านเพื่อนแทน แต่พอกลับบ้านผมก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนพ่อถามผมว่ามีปัญหาอะไรไหม ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ผมบอกว่าทุกอย่างโอเค แต่พอวันหนึ่งผมอ่านสดุดี 11:5 ผมก็เริ่มรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ผมรู้ว่าผมต้องเลิกเล่นเกมพวกนั้น พอผมหยุดได้จริง ๆ นี่ก็ทำให้เพื่อนของผมคนนึงอยากหยุดด้วยเหมือนกัน”—เจเรมี

ลองคิดดู ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเจเรมีเริ่มเตือนเขาตอนไหน? และเขาฟังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเมื่อไหร่ คุณเรียนอะไรได้จากประสบการณ์ของเจเรมี?

จุดสำคัญคือ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนยังไง และแสดงให้เห็นว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา แล้วคุณล่ะ? ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีบอกอะไรเกี่ยวกับคุณ?

เพื่อนของคุณคิดยังไง?

“ถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเรารู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่มันก็ไม่ได้รับประกันหรอกว่าเราจะลงมือทำสิ่งที่ถูกต้องจริง ๆ สมมุติว่าคุณมีเข็มทิศอยู่อันหนึ่ง มันทำงานได้ดี และมันยังบอกด้วยว่าคุณควรไปทางไหน แต่คุณก็ยังต้องตัดสินใจเองอยู่ดีว่าคุณจะฟังมันหรือเปล่า”—อเล็กซิส

“ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไม่ใช่รั้วที่บีบบังคับไม่ให้เรามีอิสระ แต่เป็นเหมือนเส้นทางที่จะพาเราไปถึงจุดหมาย และมันคอยเตือนว่าเราควรใช้ชีวิตแบบไหน ซึ่งเป็นเหมือนกับป้ายบอกทางตามถนนที่คอยเตือนเราว่าข้างหน้ามีอันตรายอะไร”—ไลโอเนล

“ฉันได้เรียนว่าฉันไม่ควรตัดสินใจตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคนอื่น เพราะฉันฝึกมันมาแล้ว ดังนั้นถ้าฉันรู้สึกอะไรกับบางอย่าง ฉันก็จะไม่ทำเป็นไม่สนใจความรู้สึกนั้น ฉันจะไม่เปลี่ยนมาตรฐานของตัวเองเพียงเพราะอยากให้คนอื่นชอบหรอกนะ”—อิซาเบลลา

ทบทวน จะฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้ยังไง?

รู้จักมาตรฐานที่ดีกว่าซึ่งอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์ไบเบิลได้รับการดลใจจากพระเจ้า พระองค์เป็นผู้ที่สร้างเราและรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเรา
เปรียบเทียบความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณกับมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิล คุณจะฝึกให้ตัวเองมองสิ่งต่าง ๆ เหมือนที่พระเจ้ามองได้ยังไง?
ทำตามมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิล ให้การตัดสินใจของคุณในแต่ละวันเป็นไปตามมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิล