ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ผม​ไม่​เคย​หยุด​เรียน​รู้

ผม​ไม่​เคย​หยุด​เรียน​รู้

ผม​รู้สึก​เป็น​สิทธิ​พิเศษ​มาก​ที่​มี​พระ​ยะโฮวา​เป็น “ครู​องค์​ยิ่ง​ใหญ่” (อสย. 30:20) พระองค์​สอน​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์​โดย​ทาง​คัมภีร์​ไบเบิล สิ่ง​ที่​พระองค์​สร้าง​อย่าง​น่า​มหัศจรรย์ และ​องค์การ​ของ​พระองค์ รวม​ทั้ง​ยัง​ใช้​พี่​น้อง​ทั้ง​ชาย​และ​หญิง​เพื่อ​ช่วย​เรา​ด้วย ถึง​แม้​ผม​จะ​อายุ​เกือบ​ร้อย​ปี​แล้ว ผม​ก็​ยัง​ได้​รับ​ประโยชน์​จาก​การ​สอน​ของ​พระ​ยะโฮวา​โดย​วิธี​เหล่า​นี้ ผม​จะ​เล่า​ให้​คุณ​ฟัง​ว่า​มัน​เป็น​แบบ​นั้น​ได้​ยังไง

กับ​ครอบครัว​ของ​ผม​ใน​ปี 1948

ผม​เกิด​ใน​ปี 1927 ใน​เมือง​เล็ก ๆ ใกล้​เมือง​ชิคาโก รัฐ​อิลลินอยส์ สหรัฐ​อเมริกา คุณ​พ่อ​กับ​คุณ​แม่​มี​ลูก 5 คน​คือ​เจทา ดอน ผม คาร์ล และ​จอย พวก​เรา​ทุก​คน​ตั้งใจ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​สุด​หัวใจ พี่​เจทา​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​ชั้น​เรียน​ที่ 2 ใน​ปี 1943 ส่วน​ดอน คาร์ล และ​จอย​เข้า​เบเธล บรุกลิน ที่​นิวยอร์ก​ใน​ปี 1944 1947 และ 1951 ตาม​ลำดับ ตัวอย่าง​ที่​ดี​ของ​พี่ ๆ น้อง ๆ รวม​ถึง​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ทำ​ให้​ผม​อยาก​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​มาก​ขึ้น

ครอบครัว​เรา​ได้​เรียน​ความ​จริง

พ่อ​กับ​แม่​ของ​ผม​เป็น​คน​ที่​ชอบ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​มาก ทั้ง​สอง​คน​รัก​พระเจ้า​และ​สอน​ลูก ๆ ให้​รัก​พระเจ้า​เหมือน​กัน แต่​พ่อ​ก็​หมด​ความ​นับถือ​ต่อ​โบสถ์​หลัง​จาก​ไป​เป็น​ทหาร​ใน​ยุโรป​ใน​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 1 หลัง​จาก​พ่อ​กลับ​มา​บ้าน​ได้​อย่าง​ปลอด​ภัย แม่​รู้สึก​ดีใจ​มาก แม่​บอก​กับ​พ่อ​ว่า “คาร์ล เรา​ไป​โบสถ์​เหมือน​อย่าง​ที่​เรา​เคย​ไป​ดี​ไหม?” พ่อ​ตอบ​ว่า “ผม​เดิน​ไป​ส่ง​คุณ​ได้​นะ แต่​ผม​ไม่​เข้า​ไป​หรอก” แม่​ก็​ถาม​ว่า “อ้าว ทำไม​ล่ะ?” พ่อ​ตอบ​ว่า “ตอน​ที่​ผม​เป็น​ทหาร ผม​เห็น​บาทหลวง​ที่​นับถือ​ศาสนา​เดียว​กัน​แต่​อยู่​คน​ละ​ฝั่ง ต่าง​ฝ่าย​ต่าง​ก็​อวยพร​ให้​พวก​ของ​ตัว​เอง​ชนะ แล้ว​อย่าง​นี้​พระเจ้า​จะ​อยู่​ฝ่าย​ไหน​ล่ะ?”

ต่อ​มา​ตอน​ที่​แม่​อยู่​ที่​โบสถ์ มี​พยาน​ฯ 2 คน​มา​ที่​บ้าน​ของ​เรา พวก​เขา​เสนอ​หนังสือ​คู่มือ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ชื่อ​ความ​สว่าง (ภาษา​อังกฤษ) ซึ่ง​เป็น​หนังสือ​ชุด 2 เล่ม​ที่​อธิบาย​เกี่ยว​กับ​หนังสือ​วิวรณ์ พ่อ​ก็​สนใจ​และ​ตก​ลง​รับ​หนังสือ​นั้น​ไว้ พอ​แม่​กลับ​มา​บ้าน​และ​เห็น​หนังสือ​นี้ เธอ​ก็​เริ่ม​อ่าน มี​อยู่​วัน​หนึ่ง​แม่​เห็น​โฆษณา​ใน​หนังสือ​พิมพ์​ชวน​คน​ที่​สนใจ​ให้​มา​ศึกษา​หนังสือ​ความ​สว่าง ด้วย​กัน เธอ​เลย​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​ไป พอ​แม่​ไป​ถึง​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​ก็​มี​ผู้​หญิง​สูง​อายุ​คน​หนึ่ง​มา​เปิด​ประตู แม่​ยื่น​หนังสือ​ความ​สว่าง ที่​ถือ​มา​ด้วย​ให้​ผู้​หญิง​คน​นั้น​ดู​และ​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​ศึกษา​กัน​ที่​นี่​ไหม?” ผู้​หญิง​คน​นั้น​ตอบ​ว่า “ใช่​จ้ะ เข้า​มา​ก่อน​สิ” แล้ว​อาทิตย์​ถัด​ไป​แม่​ก็​พา​พวก​เรา​ที่​เป็น​ลูก ๆ ไป​ด้วย และ​ตั้งแต่​นั้น​เรา​ก็​เริ่ม​ไป​ศึกษา​ด้วย​กัน​เป็น​ประจำ

ใน​การ​ศึกษา​ครั้ง​หนึ่ง ผู้​นำ​ขอ​ให้​ผม​อ่าน​สดุดี 144:15 ที่​บอก​ว่า​คน​ที่​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา​ก็​มี​ความ​สุข ข้อ​คัมภีร์​นี้​ทำ​ให้​ผม​ประทับใจ​มาก​และ​ยัง​มี​อีก 2 ข้อ​ด้วย​คือ 1 ทิโมธี 1:11 ที่​บอก​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น “พระเจ้า​ผู้​มี​ความ​สุข” และ​เอเฟซัส 5:1 ที่​กระตุ้น​ให้​พวก​เรา “เลียน​แบบ​พระเจ้า” ผม​เลย​ได้​รู้​ว่า​ควร​จะ​มี​ความ​สุข​กับ​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ผู้​สร้าง​และ​ควร​ขอบคุณ​พระองค์​ที่​ผม​ได้​รับ​เกียรติ​ให้​รับใช้​พระองค์ นี่​เลย​เป็น​สอง​สิ่ง​ที่​ผม​พยายาม​ทำ​ตลอด​ทั้ง​ชีวิต

ประชาคม​ที่​ใกล้​ที่​สุด​อยู่​ห่าง​จาก​บ้าน​ออก​ไป​ประมาณ 32 กิโลเมตร​ใน​เมือง​ชิคาโก ถึง​จะ​ไกล​ขนาด​นั้น​เรา​ก็​ไป และ​นี่​ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​รู้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เพิ่ม​มาก​ขึ้น ผม​จำ​ได้​ว่า​มี​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​การ​ประชุม พี่​เจทา​ยก​มือ​ออก​ความ​คิด​เห็น​แล้ว​ผู้​นำ​ก็​เรียก​เธอ พอ​ผม​ได้​ฟัง​พี่​เจทา​ออก​ความ​คิด​เห็น ผม​ก็​คิด​ว่า “เรื่อง​นี้​ผม​ก็​รู้​เหมือน​กัน ผม​ก็​น่า​จะ​ยก​มือ​ตอบ​ได้​เหมือน​กัน​นะ” ผม​เลย​เริ่ม​เตรียม​ออก​ความ​คิด​เห็น​ด้วย​ตัว​เอง และ​ที่​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​นั้น​ความ​เชื่อ​ของ​ผม​เริ่ม​เข้มแข็ง​ขึ้น​เหมือน​กับ​พี่ ๆ น้อง ๆ ของ​ผม และ​ใน​ที่​สุด​ผม​ก็​รับ​บัพติศมา​ใน​ปี 1941

เรียน​จาก​พระ​ยะโฮวา​ที่​การ​ประชุม​ใหญ่

ผม​ยัง​จำ​เหตุ​การณ์​ตอน​ที่​เรา​ไป​ประชุม​ใหญ่​ที่​เมือง​คลีฟแลนด์ รัฐ​โอไฮโอ​ใน​ปี 1942 ได้​ดี ตอน​นั้น​มี​พี่​น้อง​จาก​อีก​มาก​กว่า 50 ที่​ที่​เชื่อม​ต่อ​สัญญาณ​เข้า​มา​ฟัง​การ​ประชุม​กับ​เรา​ผ่าน​ทาง​โทรศัพท์ มี​ครอบครัว​เรา​กับ​อีก​หลาย​ครอบครัว​ที่​นอน​ใน​เต็นท์​ใกล้ ๆ กับ​สถาน​ที่​จัด​การ​ประชุม ตอน​นั้น​เป็น​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 และ​คน​ที่​ต่อต้าน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ก็​เพิ่ม​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ ใน​ตอน​เย็น​จะ​มี​กลุ่ม​พี่​น้อง​ชาย​เอา​รถ​มา​จอด​ล้อม​รอบ​บริเวณ​ที่​ตั้ง​เต็นท์​กัน​และ​หัน​หน้า​รถ​ออก​ไป​ข้าง​นอก พวก​เขา​จะ​เปิด​ไฟ​หน้า​ทิ้ง​ไว้​และ​ให้​มี​คน​หนึ่ง​อยู่​ใน​รถ​แต่​ละ​คัน​เพื่อ​คอย​เฝ้า​ยาม​ตอน​กลาง​คืน ถ้า​สมมุติ​ว่า​มี​คน​ร้าย​เข้า​มา พี่​น้อง​ชาย​จะ​สาด​ไฟ​สูง​และ​บีบ​แตร​เพื่อ​จะ​เรียก​พี่​น้อง​คน​อื่น​ให้​มา​ช่วย ผม​คิด​เลย​ว่า “คน​ของ​พระ​ยะโฮวา​เตรียม​พร้อม​สำหรับ​ทุก​สถานการณ์​จริง ๆ” ผม​ก็​เลย​อุ่น​ใจ หลับ​ได้​สบาย และ​พวก​เรา​ก็​ไม่​ได้​เจอ​ปัญหา​อะไร

หลาย​ปี​ผ่าน​ไป พอ​ผม​นึก​ย้อน​กลับ​ไป​คิด​ถึง​การ​ประชุม​ครั้ง​นั้น ผม​เห็น​เลย​ว่า​แม่​ไม่​ได้​กังวล​หรือ​กลัว​เลย แม่​วางใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​และ​องค์การ​ของ​พระองค์​อย่าง​เต็ม​ที่ ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​ตัวอย่าง​ที่​ดี​ของ​แม่​เลย

ไม่​นาน​ก่อน​การ​ประชุม​ครั้ง​นั้น แม่​สมัคร​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ แม่​ก็​เลย​สนใจ​เป็น​พิเศษ​เกี่ยว​กับ​คำ​บรรยาย​ต่าง ๆ ที่​พูด​ถึง​การ​รับใช้​เต็ม​เวลา ระหว่าง​ทาง​กลับ​บ้าน​แม่​บอก​ว่า “แม่​อยาก​จะ​เป็น​ไพโอเนียร์​ต่อ​นะ แต่​จะ​ให้​เป็น​ไพโอเนียร์​แล้ว​ทำ​งาน​บ้าน​เยอะ​อย่าง​ที่​ทำ​อยู่​ใน​ตอน​นี้​ก็​คง​ไม่​ไหว” แม่​เลย​ขอ​ให้​พวก​เรา​ช่วย แล้ว​พวก​เรา​ก็​ยินดี แม่​ก็​เลย​มอบหมาย​ให้​พวก​เรา​แต่​ละ​คน​ช่วย​ทำ​ความ​สะอาด​คน​ละ​ห้อง​หรือ 2 ห้อง​ก่อน​ที่​จะ​กิน​ข้าว​เช้า​ด้วย​กัน และ​พอ​พวก​เรา​ออก​ไป​โรง​เรียน แม่​ก็​จะ​คอย​ตรวจ​ดู​ว่า​บ้าน​สะอาด​เรียบร้อย​ดี​ไหม แล้ว​หลัง​จาก​นั้น​แม่​ก็​จะ​ค่อย​ออก​ไป​ประกาศ แม่​เป็น​คน​ที่​ยุ่ง​มาก​แต่​ก็​ไม่​เคย​ละเลย​ลูก ๆ ตอน​ที่​พวก​เรา​กลับ​มา​บ้าน​เพื่อ​จะ​กิน​ข้าว​เที่ยง​หรือ​ตอน​ที่​พวก​เรา​กลับ​บ้าน​หลัง​จาก​เลิก​เรียน แม่​ก็​จะ​อยู่​รอ​รับ​พวก​เรา​เสมอ มี​บาง​วัน​หลัง​จาก​ที่​เรา​เลิก​เรียน เรา​จะ​ออก​ไป​ประกาศ​กับ​แม่​ด้วย ซึ่ง​นี่​ช่วย​ให้​เรา​เข้าใจ​ว่า​งาน​ของ​ไพโอเนียร์​เป็น​ยังไง

เริ่ม​รับใช้​เต็ม​เวลา

ผม​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ตอน​อายุ 16 ถึง​ตอน​นั้น​พ่อ​ผม​ยัง​ไม่​ได้​เป็น​พยาน​ฯ แต่​เขา​ก็​คอย​ถาม​ไถ่​ตอน​ที่​ผม​ไป​รับใช้ เย็น​วัน​หนึ่ง​ผม​เล่า​ให้​พ่อ​ฟัง​ว่า​พยายาม​แค่​ไหน​ก็​ยัง​ไม่​เจอ​คน​ที่​สนใจ​จะ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย​เลย ผม​หยุด​ไป​นิด​หนึ่ง​แล้ว​ก็​ถาม​พ่อ​ว่า “พ่อ​อยาก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย​กัน​ไหม?” พ่อ​ผม​หยุด​คิด​แป๊บ​นึง แล้ว​เขา​ก็​ตอบ​ตก​ลง ใช่​แล้ว​ครับ นัก​ศึกษา​คน​แรก​ของ​ผม​ก็​คือ​พ่อ​ผม​นี่​แหละ ผม​รู้สึก​ว่า​นี่​เป็น​สิทธิ​พิเศษ​จริง ๆ

เรา​ศึกษา​หนังสือ “ความ​จริง​จะ​ทำ​ให้​ท่าน​เป็น​อิสระ” (ภาษา​อังกฤษ) ด้วย​กัน พอ​ศึกษา​ไป​ได้​เรื่อย ๆ ผม​ก็​เริ่ม​เห็น​ว่า​พ่อ​เอง​ก็​ช่วย​ผม​ให้​เป็น​ทั้ง​นัก​ศึกษา​และ​ครู​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ดี​ขึ้น ตัวอย่าง​เช่น ใน​เย็น​วัน​หนึ่ง​ที่​เรา​นั่ง​ศึกษา​ด้วย​กัน หลัง​จาก​ที่​อ่าน​วรรค​หนึ่ง​จบ พ่อ​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า “พ่อ​รู้​นะ​ว่า​หนังสือ​มัน​บอก​อย่าง​นี้ แต่​ลูก​รู้​ได้​ยังไง​ว่า​หนังสือ​นี้​พูด​ถูก?” ตอน​นั้น​ผม​ก็​ไม่​รู้​ว่า​จะ​ตอบ​พ่อ​ยังไง ผม​ก็​เลย​บอก​ว่า “ผม​ยัง​ตอบ​พ่อ​ไม่​ได้​นะ​ครับ​ตอน​นี้ แต่​เดี๋ยว​ศึกษา​กัน​ครั้ง​หน้า ผม​จะ​หา​คำ​ตอบ​มา​ครับ” แล้ว​ผม​ก็​ทำ​อย่าง​นั้น ผม​เจอ​ข้อ​คัมภีร์​หลาย​ข้อ​ที่​สนับสนุน​เรื่อง​ที่​เรา​กำลัง​ศึกษา​กัน​อยู่ ตั้งแต่​นั้น​มา​ผม​ก็​พยายาม​ฝึก​ค้นคว้า​เพื่อ​จะ​เตรียม​การ​ศึกษา​ให้​ดี​ขึ้น นี่​ทำ​ให้​ทั้ง​ตัว​ผม​และ​พ่อ​มี​ความ​เชื่อ​ที่​เข้มแข็ง​มาก​ขึ้น พ่อ​เริ่ม​เอา​สิ่ง​ที่​ได้​เรียน​ไป​ใช้ และ​ใน​ที่​สุด​ก็​รับ​บัพติศมา​ใน​ปี 1952

เรียน​รู้​ต่อ​ไป​ใน​งาน​มอบหมาย​ใหม่

ผม​ออก​จาก​บ้าน​ตอน​อายุ 17 ซึ่ง​ตอน​นั้น​พี่​เจทา aก็​เป็น​มิชชันนารี​และ​พี่​ดอน​ก็​ไป​รับใช้​ที่​เบเธล พี่ 2 คน​รัก​งาน​มอบหมาย​ของ​ตัว​เอง​มาก ซึ่ง​เป็น​แรง​กระตุ้น​ที่​ดี​มาก​สำหรับ​ผม ผม​เลย​เขียน​ใบ​สมัคร​สำหรับ​ทั้ง​เบเธล​และ​โรง​เรียน​กิเลียด และ​ผม​ก็​มอบ​เรื่อง​นี้​ให้​กับ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ผู้​ตัดสิน แล้ว​ใน​ที่​สุด ผม​ก็​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​เบเธล​ใน​ปี 1946

ตลอด​หลาย​ปี​ที่​รับใช้​ใน​เบเธล ผม​ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​หลาย​อย่าง​ก็​เลย​มี​โอกาส​ที่​ได้​เรียน​เรื่อง​ใหม่ ๆ หลาย​เรื่อง​ที่​ไม่​เคย​รู้​มา​ก่อน ที่​จริง​ตลอด 75 ปี​ที่​อยู่​ใน​เบเธล ผม​ได้​เรียน​รู้​วิธี​พิมพ์​หนังสือ ทำ​บัญชี และ​เรียน​ด้าน​งาน​ขน​ส่ง แต่​ที่​สำคัญ​ที่​สุด ผม​ชอบ​การ​สอน​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เสริม​ความ​เชื่อ ซึ่ง​เบเธล​จัด​เตรียม​ให้​โดย​ผ่าน​ทาง​การ​นมัสการ​ตอน​เช้า​และ​คำ​บรรยาย​สำหรับ​ครอบครัว​เบเธล

สอน​ใน​โรง​เรียน​ผู้​ดู​แล​ประชาคม

นอกจากนั้น ผม​ยัง​ได้​เรียน​รู้​จาก​คาร์ล​น้อง​ชาย​ของ​ผม​ด้วย คาร์ล​เข้า​มา​รับใช้​ที่​เบเธล​ใน​ปี 1947 เขา​เป็น​ทั้ง​นัก​ศึกษา​และ​ครู​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เก่ง​มาก ผม​มัก​จะ​ไป​ถาม​เขา​ตอน​ที่​ผม​ได้​ส่วน​มอบหมาย​บรรยาย ผม​บอก​เขา​ว่า​ผม​หา​ข้อมูล​ไว้​เยอะ​เลย​แต่​ไม่​รู้​จะ​นำ​เสนอ​ยังไง คาร์ล​ถาม​ผม​แค่​คำ​ถาม​เดียว​ว่า “พี่​โจเอล เรื่อง​หลัก​ของ​คำ​บรรยาย​พี่​คือ​อะไร?” ผม​เข้าใจ​ที่​เขา​พูด​ทันที ผม​ก็​เลย​ใช้​เฉพาะ​ข้อมูล​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เรื่อง​หลัก​ของ​คำ​บรรยาย ส่วน​ข้อมูล​ที่​เหลือ​ก็​ไม่​ได้​เอา​มา​ใช้ ผม​ไม่​เคย​ลืม​สิ่ง​ที่​น้อง​สอน​ผม​เลย

เพื่อ​จะ​มี​ความ​สุข​กับ​งาน​ที่​เบเธล​ได้ เรา​ต้อง​เข้า​ร่วม​ใน​งาน​รับใช้​อย่าง​เต็ม​ที่ และ​ถ้า​เรา​ทำ​แบบ​นั้น มัน​ก็​จะ​ทำ​ให้​เรา​เจอ​ประสบการณ์​ที่​ให้​กำลังใจ​จริง ๆ เช่น มี​ประสบการณ์​หนึ่ง​ที่​ผม​ยัง​จำ​ได้​ไม่​ลืม เย็น​วัน​หนึ่ง​เรา​ไป​รับใช้​ใน​เขต​บรองซ์ นคร​นิวยอร์ก ผม​กับ​พี่​น้อง​ชาย​คน​หนึ่ง​ไป​เยี่ยม​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​เคย​รับ​หอสังเกตการณ์ และ​ตื่นเถิด! ไว้ เรา​คุย​กับ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​ว่า “เย็น​นี้​ผม​กับ​เพื่อน​กำลัง​ช่วย​หลาย​คน​ให้​ได้​เรียน​เรื่อง​ที่​ให้​กำลังใจ​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ครับ” ผู้​หญิง​คน​นั้น​ก็​เลย​บอก​ว่า “เกี่ยว​กับ​ไบเบิล​ใช่​ไหม? เข้า​มา​ก่อน​สิ” พอ​เรา​ได้​เข้า​ไป​คุย เรา​ก็​มี​โอกาส​เปิด​คัมภีร์​ไบเบิล​หลาย​ข้อ​เกี่ยว​กับ​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​และ​เรื่อง​โลก​ใหม่ ปรากฏ​ว่า​เรื่อง​ที่​เรา​คุย​กัน​ทำ​ให้​ผู้​หญิง​คน​นั้น​ประทับใจ​มาก เพราะ​สัปดาห์​ต่อ​มา​ตอน​ที่​เรา​กลับ​ไป​เยี่ยม เธอ​ก็​ชวน​เพื่อน ๆ ให้​มา​ฟัง​ด้วย ใน​ที่​สุด​ผู้​หญิง​คน​นี้​กับ​สามี​ก็​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา

เรียน​จาก​ภรรยา​ของ​ผม

ผม​มอง​หา​คู่​ชีวิต​มา​นาน​เกือบ 10 ปี และ​ใน​ที่​สุด​ผม​ก็​ได้​เจอ​กับ​เธอ อะไร​ช่วย​ให้​ผม​เจอ​ภรรยา​ที่​ดี​นะ​เหรอ? ผม​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา​และ​คิด​ว่า​อยาก​ทำ​อะไร​ด้วย​กัน​กับ​ภรรยา​หลัง​จาก​แต่งงาน

ทำ​งาน​เยี่ยม​หมวด​กับ​แมรี

หลัง​จาก​การ​ประชุม​ใหญ่​ปี 1953 ที่​สนาม​กีฬา​แยงกี้ ผม​ได้​เจอ​กับ​แมรี อันโยล แมรี​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​ชั้น​เรียน​ที่ 2 รุ่น​เดียว​กับ​พี่​เจทา​และ​เป็น​คู่​มิชชันนารี​ด้วย​กัน แมรี​เล่า​ให้​ผม​ฟัง​อย่าง​กระตือรือร้น​เรื่อง​งาน​มอบหมาย​ใน​หมู่​เกาะ​ใน​แคริบเบียน​และ​เรื่อง​นัก​ศึกษา​ของ​เธอ​ตอน​ที่​เธอ​รับใช้​ที่​นั่น​นาน​หลาย​ปี ยิ่ง​รู้​จัก​กัน​ผม​ก็​ยิ่ง​เห็น​เลย​ว่า​เรา​สอง​คน​มี​เป้าหมาย​ที่​จะ​รับใช้​เต็ม​เวลา​เหมือน​กัน เรา​ตก​หลุม​รัก​กัน​และ​แต่งงาน​กัน​ใน​เดือน​เมษายน 1955 แมรี​เป็น​ของ​ขวัญ​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​เป็น​ตัวอย่าง​ที่​ดี​ให้​กับ​ผม​มาก ๆ แมรี​เต็ม​ใจ​รับ​งาน​มอบหมาย​ทุก​อย่าง​ที่​ได้​รับ เป็น​คน​ขยัน ชอบ​ดู​แล​คน​อื่น และ​ให้​การ​ปกครอง​ของ​พระเจ้า​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​เสมอ (มธ. 6:33) หลัง​จาก​ที่​เรา​แต่งงาน​กัน เรา​ก็​รับใช้​ใน​งาน​เยี่ยม​หมวด​ประมาณ 3 ปี และ​ใน​ปี 1958 เรา​ทั้ง​คู่​ก็​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​ไป​รับใช้​ที่​เบเธล

ผม​ได้​เรียน​หลาย​อย่าง​จาก​แมรี เช่น นับ​ตั้งแต่​ที่​เรา​แต่งงาน​กัน เรา​ตั้ง​เป้า​ว่า​จะ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย​กัน​ครั้ง​ละ​ประมาณ 15 ข้อ แล้ว​เรา​ก็​จะ​ออก​ความ​เห็น​เกี่ยว​กับ​ข้อ​คัมภีร์​ที่​เรา​ได้​อ่าน​และ​คิด​ว่า​จะ​เอา​มา​ใช้​ใน​ชีวิต​ยังไง แมรี​มัก​จะ​เล่า​ถึง​สิ่ง​ที่​เธอ​ได้​เรียน​จาก​โรง​เรียน​กิเลียด​และ​ใน​งาน​มิชชันนารี การ​คุย​กัน​แบบ​นี้​ช่วย​ให้​ผม​ยิ่ง​เข้าใจ​คัมภีร์​ไบเบิล ปรับ​ปรุง​ความ​สามารถ​ใน​การ​บรรยาย และ​รู้​วิธี​ให้​กำลังใจ​พี่​น้อง​หญิง—สภษ. 25:11

แมรี​ที่​รัก​ของ​ผม​ตาย​ใน​ปี 2013 ผม​รอ​คอย​จะ​ได้​เจอ​เธอ​ใน​โลก​ใหม่ จน​กว่า​จะ​ถึง​ตอน​นั้น ผม​ตั้งใจ​ที่​จะ​เรียน​รู้​ต่อ ๆ ไป​และ​ไว้​วางใจ​พระ​ยะโฮวา​สุด​หัวใจ (สภษ. 3:5, 6) ผม​ได้​กำลังใจ​และ​มี​ความ​สุข​ทุก​ครั้ง​ที่​คิด​ว่า​ใน​โลก​ใหม่​คน​ของ​พระ​ยะโฮวา​จะ​ทำ​อะไร​บ้าง ตอน​นั้น​เรา​จะ​ได้​เรียน​เรื่อง​ใหม่ ๆ จาก​พระ​ยะโฮวา​ครู​องค์​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​เรา​และ​ได้​เรียน​เกี่ยว​กับ​พระองค์​มาก​ขึ้น​อีก ผม​ไม่​รู้​จะ​ขอบคุณ​ยังไง​ที่​พระ​ยะโฮวา​สอน​ทุก​อย่าง​ให้​กับ​ผม​ถึง​ตอน​นี้ และ​สำหรับ​ความ​กรุณา​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระองค์

a ดู​เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง​ของ​พี่​น้อง​เจทา ซุเนล​ใน​หอสังเกตการณ์ 1 มีนาคม 2003 หน้า 23-29