ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ผมเลือกเอางานประจำชีพที่ดีกว่า

ผมเลือกเอางานประจำชีพที่ดีกว่า

ผม​เลือก​เอา​งาน​ประจำ​ชีพ​ที่​ดี​กว่า

เล่า​โดย พลาเมน คอสตาดินอฟ

วัน​นั้น​ผม​ตื่น​เกือบ​เที่ยง​วัน​แล้ว. บน​พื้น​ห้อง​เกลื่อน​ไป​ด้วย​ขวด​เหล้า​ที่​ดื่ม​หมด​เกลี้ยง และ​ที่​เขี่ย​เถ้า​บุหรี่​ก็​ส่ง​กลิ่น​คลุ้ง​ทั่ว​ห้อง. ความ​เคลิบเคลิ้ม​ใน​งาน​เลี้ยง​คืน​ก่อน​นั้น​ไม่​หลง​เหลือ​อยู่​เลย. ผม​รู้สึก​หงุดหงิด​และ​อ้างว้าง​ยิ่ง​กว่า​เดิม. ทุก​อย่าง​ดู​เหมือน​ไร้​ความ​หมาย​อย่าง​สิ้นเชิง! ขอ​ผม​เล่า​ว่า​ผม​ตก​อยู่​ใน​สภาพ​น่า​เศร้า​ใจ​ดัง​กล่าว​ได้​อย่าง​ไร.

เมื่อ​ผม​อายุ 14 ปี ผม​ก็​มุ่ง​หน้า​ทำ​งาน​ศิลปะ​แล้ว. นั่น​เป็น​ฤดู​ร้อน​ปี 1980. พ่อ​เพิ่ง​บอก​ผม​ว่า​ผม​ถูก​รับ​เข้า​เรียน​ใน​วิทยาลัย​ช่าง​ศิลป์​ใน​เมือง​โตรยาน ประเทศ​บัลแกเรีย. ผม​ดีใจ​มาก. ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ร่วง​ปี​นั้น ผม​ได้​ย้าย​จาก​เมือง​โลเวช​บ้าน​เกิด​ของ​ผม​ไป​อยู่​ที่​โตรยาน.

ผม​ชอบ​อยู่​ต่าง​หาก​จาก​พ่อ​แม่​และ​ทำ​อะไร​ก็​ได้​อย่าง​ที่​ผม​ต้องการ. ผม​ริ​สูบ​บุหรี่ และ​บาง​ครั้ง​บาง​คราว​ผม​จะ​ดื่ม​เหล้า​กับ​เพื่อน​นัก​เรียน​จน​เมา. ที่​โรง​เรียน​ไม่​อนุญาต​ให้​สูบ​บุหรี่​หรือ​ดื่ม​เหล้า. การ​ได้​ละเมิด​กฎ​ข้อ​บังคับ​ยิ่ง​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ตื่นเต้น​มาก​ขึ้น.

ความ​รัก​ของ​ผม​ใน​ด้าน​ศิลปะ​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ. ทักษะ​การ​วาด​เขียน​ของ​ผม​ดี​เยี่ยม และ​ความ​ใฝ่ฝัน​ของ​ผม​ที่​อยาก​เด่น​ดัง​ก็​มี​มาก​ขึ้น. หลัง​จาก​เรียน​จบ​หลัก​สูตร​ห้า​ปี​ใน​เมือง​โตรยาน​แล้ว ผม​ต้องการ​ศึกษา​ต่อ​ที่​วิทยาลัย​ศิลปะ​ใน​กรุง​โซเฟีย เมือง​หลวง​ของ​บัลแกเรีย. วิทยาลัย​นี้​มี​ชื่อเสียง​โด่งดัง​ที่​สุด​ใน​บัลแกเรีย. ปี 1988 ผม​เป็น​หนึ่ง​ใน​แปด​คน​ซึ่ง​ได้​รับ​การ​คัดเลือก​จาก​ผู้​สมัคร​ทั่ว​ประเทศ​ให้​เข้า​เรียน​ที่​วิทยาลัย​แห่ง​นี้. ผม​ภูมิ​ใจ​เหลือ​เกิน​ใน​ความ​สำเร็จ​ของ​ผม​ครั้ง​นี้! วัน​หนึ่ง ผม​ส่อง​กระจก​และ​พูด​กับ​ตัว​เอง​อย่าง​ทระนง​ว่า ‘เอา​ละ​พลา​เมน นาย​จะ​ได้​เป็น​จิตรกร​ชื่อ​ดัง​แน่ ๆ!’

สร้าง​บุคลิกภาพ​แบบ​โลก

ไม่​นาน​ผม​ก็​เริ่ม​แต่ง​ชุด​ดำ ไว้​ผม​ยาว​และ​ไว้​เครา​ด้วย. การ​ทำ​เช่น​นี้​ถือ​เป็น​รูป​แบบ​ชีวิต​จิตรกร. ผม​ยอม​รับ​สิ่ง​ที่​ผม​เชื่อ​ว่า​เป็น​วิถี​ชีวิต​แบบ​ชาว​โบฮีเมีย (ยิปซี). ทั้ง​นี้​หมาย​รวม​ถึง​การ​เช่า​ห้อง​ใน​ย่าน​ที่​พัก​อาศัย​ของ​เหล่า​จิตรกร และ​ทำ​ให้​รก​รุงรัง​ที่​สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้. ต่อ​มา ผม​พา​แมว​กับ​ลูก​เล็ก ๆ สาม​ตัว​และ​สุนัข​เล็ก ๆ อีก​ตัว​หนึ่ง​เข้า​มา​อยู่​ร่วม​ห้อง​ด้วย. นอก​จาก​นั้น การ​ใช้​เงิน​ฟุ่มเฟือย​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ใน​วิถี​ชีวิต​ของ​ผม.

กระนั้น ผม​ยัง​คง​หลงใหล​ใน​งาน​ศิลป์​อย่าง​แรง​กล้า. ผม​เขียน​ภาพ​อยู่​เสมอ โดย​ใช้​ภาพ​แบบ​นามธรรม​แทน​โลก​ใน​ฝัน​ตาม​จินตนาการ​ของ​ผม. ผม​ได้​วาด​ภาพ​บน​ผนัง​ห้อง​ของ​ผม​ด้วย​ซ้ำ. ผม​คิด​ว่า​นี่​แหละ​เป็น​จุด​เริ่ม​ต้น​ของ​อาชีพ​ที่​รุ่ง​โรจน์.

สิ่ง​ที่​ขาด​ไม่​ได้​ใน​วิถี​ชีวิต​ของ​ผม​คือ​การ​จัด​เลี้ยง​บ่อย ๆ กับ​เพื่อน​นัก​ศึกษา. เรา​มัก​จะ​มา​รวม​กัน​ที่​ห้อง​ของ​ผม ฟัง​ดนตรี​และ​ดื่ม​จน​เมา แม้​แต่​เมื่อ​เตรียม​สอบ. การ​พูด​คุย​ของ​เรา​ใน​เชิง​ปรัชญา​จะ​เน้น​ที่​ดนตรี ศิลปะ และ​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต. บ่อย​ครั้ง เรา​พูด​กัน​ถึง​เรื่อง​พลัง​เหนือ​ธรรมชาติ​และ​มนุษย์​ต่าง​ดาว. การ​พูด​คุย​ทำนอง​นี้​ปลุก​เร้า​จินตนาการ​ของ​ผม ทำ​ให้​มี​แนว​คิด​ใหม่ ๆ สำหรับ​ภาพ​ที่​จะ​เขียน​ต่อ​ไป. ผม​อยาก​จะ​ให้​ความ​รู้สึก​เคลิบเคลิ้ม​มี​อยู่​นาน ๆ แต่​มัน​ก็​มี​แค่​ช่วง​ที่​ผม​เมา​เท่า​นั้น. ตาม​ปกติ วัน​รุ่ง​ขึ้น​ความ​รู้สึก​เหล่า​นั้น​ก็​จาง​หาย​ไป​หมด.

หลัง​จาก​ใช้​ชีวิต​แบบ​นั้น​ประมาณ​สิบ​ปี ผม​ก็​รู้สึก​ว่า​ไม่​มี​ความ​สุข. ต่าง​ไป​จาก​สี​ฉูด​ฉาด​ที่​ผม​ใช้​ใน​ภาพ​เขียน ความ​รู้สึก​ภาย​ใน​ของ​ผม​กลับ​หม่น​หมอง​ลง​เรื่อย ๆ และ​ผม​รู้สึก​อ้างว้าง​เดียว​ดาย. ความ​ฝัน​ของ​ผม​ที่​จะ​เป็น​จิตรกร​ชื่อ​ดัง​ก็​เริ่ม​เลือน​หาย. ผม​ซึมเศร้า​และ​ไม่​รู้​จะ​ดำเนิน​ชีวิต​ต่อ​ไป​อย่าง​ไร. ตอน​นั้น​แหละ​เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​ผม​พรรณนา​ไว้​ตอน​ต้น.

ความ​จริง​ช่วย​ชีวิต​ผม

ใน​ปี 1990 ผม​ตัดสิน​ใจ​จัด​แสดง​ภาพ​เขียน​ของ​ผม​ที่​เมือง​โลเวช. ผม​ชวน​ยานีตา คน​รู้​จัก​กัน​ซึ่ง​เรียน​ใน​วิทยาลัย​เดียว​กัน​ที่​โซเฟีย มา​ร่วม​แสดง​ด้วย เนื่อง​จาก​เธอ​ก็​มา​จาก​โลเวช​เหมือน​กัน. เมื่อ​เสร็จ​งาน​แสดง​แล้ว ผม​กับ​ยานีตา​ได้​ไป​ฉลอง​กัน​ที่​ร้าน​อาหาร​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ. ระหว่าง​ที่​เรา​พูด​คุย​กัน เธอ​เริ่ม​พูด​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​เธอ​กำลัง​เรียน​รู้​จาก​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เธอ​คุย​กับ​ผม​เรื่อง​โลก​ใหม่​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า. จุด​นี้​เอง​ทำ​ให้​ผม​สนใจ.

ยานีตา​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ต่อ​ที่​โซเฟีย และ​เธอ​นำ​หนังสือ​ที่​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก​มา​ให้​ผม​อ่าน​เป็น​ครั้ง​คราว. ผม​จะ​ไม่​มี​ทาง​ลืม​ว่า​ผม​ตื่นเต้น​เพียง​ไร​ที่​ได้​อ่าน​จุลสาร “นี่​แน่ะ! เรา​กำลัง​สร้าง​สิ่ง​สารพัด​ขึ้น​ใหม่” และ​ได้​อ่าน​หนังสือ​ท่าน​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก อย่าง​ซาบซึ้ง​และ​จบ​ภาย​ใน​ไม่​กี่​วัน. * สำหรับ​ผม​แล้ว​ไม่​ยาก​เลย​ที่​จะ​ยอม​รับ​ว่า​มี​พระเจ้า​จริง และ​ทันใด​นั้น​ผม​ก็​ต้องการ​จะ​รู้​ว่า​ควร​อธิษฐาน​อย่าง​ไร. ผม​จำ​การ​อธิษฐาน​ครั้ง​แรก​ของ​ผม​ได้. ผม​คุกเข่า​แล้ว​ระบาย​ความ​วิตก​กังวล​ของ​ผม​ต่อ​พระ​ยะโฮวา. ผม​เชื่อ​มั่น​ว่า​พระองค์​ทรง​สดับ​ฟัง. ความ​ยินดี​และ​ความ​สงบ​ใจ​เริ่ม​เข้า​มา​แทน​ที่​ความ​ว้าเหว่.

ใน​โซเฟีย ยานีตา​แนะ​นำ​ให้​ผม​รู้​จัก​สอง​สามี​ภรรยา​ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. พวก​เขา​เสนอ​จะ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ผม​และ​เชิญ​ผม​ร่วม​การ​ประชุม​ด้วย. ผม​ยัง​จำ​การ​ไป​ประชุม​ครั้ง​แรก​เมื่อ​เดือน​มิถุนายน 1991 ได้. ผม​ไป​ถึง​ก่อน​เวลา​สอง​ชั่วโมง​และ​คอย​อยู่​ใน​สวน​สาธารณะ​เล็ก ๆ แห่ง​หนึ่ง. ผม​รู้สึก​กระวนกระวาย เป็น​กังวล​ว่า​พวก​เขา​จะ​ยินดี​ต้อนรับ​ผม​หรือ​เปล่า. ผม​ประหลาด​ใจ​มาก ทุก​คน​ต้อนรับ​ผม​อย่าง​อบอุ่น​ทั้ง ๆ ที่​การ​แต่ง​เนื้อ​แต่ง​ตัว​ของ​ผม​ดู​แปลก​แบบ​ชาว​โบฮีเมีย. ตั้ง​แต่​นั้น​มา ผม​ก็​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​อย่าง​สม่ำเสมอ​และ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​สัปดาห์​ละ​สอง​ครั้ง.

ผม​ดีใจ​มาก​ตอน​ที่​ได้​คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​ส่วน​ตัว​เป็น​ครั้ง​แรก. ใน​ชีวิต​ของ​ผม​ไม่​เคย​อ่าน​สิ่ง​ใด​ที่​น่า​พิศวง​และ​น่า​ประทับใจ​เหมือน​สติ​ปัญญา​ที่​พระ​เยซู​ตรัส​ใน​คำ​เทศน์​บน​ภูเขา​เลย! ขณะ​ที่​การ​ศึกษา​ของ​ผม​คืบ​หน้า​ไป ผม​ประสบ​ด้วย​ตัว​เอง​ถึง​พลัง​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​สามารถ​เปลี่ยน​ผู้​คน​ได้ ดัง​กล่าว​ไว้​ที่ เอเฟโซส์ 4:23 “ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เปลี่ยน​พลัง​กระตุ้น​จิตใจ​เสีย​ใหม่.” ผม​เลิก​สูบ​บุหรี่​และ​ได้​เปลี่ยน​การ​แต่ง​กาย​และ​ทรง​ผม​ที่​สกปรก​รุงรัง. ผม​เปลี่ยน​ไป​มาก​จน​เมื่อ​พ่อ​มา​พบ​ผม​ที่​สถานี​รถไฟ​โลเวช พ่อ​เดิน​ผ่าน​ไป​เพราะ​จำ​ผม​ไม่​ได้.

ผม​เริ่ม​สังเกต​สิ่ง​ที่​อยู่​รอบ ๆ ตัว. ห้อง​ที่​รก​รุงรัง, ผนัง​ห้อง​ที่​ผม​วาด​ภาพ​ไว้, และ​กลิ่น​ควัน​บุหรี่ ไม่​ได้​กระตุ้น​ความ​คิด​สร้าง​สรรค์​ของ​ผม​อีก​ต่อ​ไป. ผม​อยาก​จะ​กำจัด​สิ่ง​สกปรก​ทุก​อย่าง​ออก​ไป. ผม​ทา​ผนัง​ห้อง​เป็น​สี​ขาว และ​ลบ​รูป​มนุษย์​ต่าง​ดาว​สาม​ตา​ที่​ผม​ได้​วาด​ไว้​บน​ผนัง.

แน่นอน เพื่อน​ฝูง​ได้​ทิ้ง​ผม​ไป​หมด แต่​หลาย​คน​ที่​ผม​รู้​จัก ณ ที่​ประชุม​คริสเตียน​กลาย​มา​เป็น​เพื่อน​ใหม่​ของ​ผม ซึ่ง​เป็น​เพื่อน​รัก​กระทั่ง​ทุก​วัน​นี้. เพราะ​อยู่​กับ​สังคม​ที่​ก่อ​ร่าง​สร้าง​กัน​ขึ้น​เช่น​นั้น ผม​จึง​ก้าว​หน้า​อย่าง​รวด​เร็ว. ใน​วัน​ที่ 22 มีนาคม 1992 ผม​ได้​รับ​บัพติสมา​ที่​การ​ประชุม​ใหญ่​ครั้ง​แรก​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​บัลแกเรีย ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ที่​เมือง​พลอฟดิฟ.

กลับ​มา​โลเวช

แม้​ผม​รู้​ว่า​ไม่​ง่าย​ที่​จิตรกร​จะ​ทำ​มา​หา​กิน​ใน​เมือง​เล็ก ๆ แต่​ผม​ก็​ตัดสิน​ใจ​ว่า​หลัง​สำเร็จ​การ​ศึกษา ผม​จะ​กลับ​เมือง​โลเวช. ผม​ตระหนัก​ว่า อย่าง​น้อย​สำหรับ​ผม ผม​คิด​ว่า​คง​ยาก​มาก​ที่​จะ​เอา​ดี​ด้าน​ศิลปะ​และ​ใน​เวลา​เดียว​กัน​ก็​จัด​ให้​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เป็น​อันดับ​แรก​ใน​ชีวิต. ฉะนั้น ผม​ตก​ลง​ใจ​เปลี่ยน​งาน​ประจำ​ชีพ​มา​เป็น​อาสา​สมัคร​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล. ระหว่าง​ที่​ผม​ยัง​อยู่​ที่​วิทยาลัย​ศิลปะ ยานีตา​ซึ่ง​เรียน​จบ​ก่อน​หน้า​ผม​สาม​ปี​แล้ว กำลัง​สอน​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​กระตือรือร้น​ที่​เมือง​โลเวช. ตอน​นั้น​เธอ​เป็น​พยาน​ฯ คน​เดียว​ที่​นั่น.

พอ​ถึง​ตอน​ที่​ผม​ย้าย​กลับ​มา​อยู่​ที่​โลเวช ก็​มี​คน​กลุ่ม​เล็ก ๆ กำลัง​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ผม​ชอบ​ไป​พบ​ประชาชน​ตาม​บ้าน​มาก​และ​บอก​ความ​หวัง​สำหรับ​อนาคต​ที่​ผม​ได้​ยึด​ถือ. ผม​ตัดสิน​ใจ​ที่​จะ​ร่วม​งาน​นี้​แบบ​เต็ม​เวลา.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม หลัง​จาก​นั้น​ก็​เกิด​ความ​ยาก​ลำบาก. ใน​ปี 1994 การ​จด​ทะเบียน​เป็น​องค์กร​ศาสนา​อย่าง​ถูก​ต้อง​ได้​ถูก​เพิกถอน และ​เริ่ม​มี​การ​ใส่​ร้าย​ป้าย​สี​ขนาน​ใหญ่​โดย​สื่อมวลชน. * บ่อย​ครั้ง​เหล่า​พยาน​ฯ ถูก​เรียก​ตัว​ไป​ที่​สถานี​ตำรวจ​และ​สรรพหนังสือ​ของ​เรา​ก็​ถูก​ยึด. ใน​ช่วง​ที่​เกิด​ความ​ยาก​ลำบาก​เช่น​นี้ เรา​ไม่​สามารถ​เข้า​ร่วม​ประชุม​ได้​อย่าง​เปิด​เผย. กระนั้น​ก็​ดี เรา​จัด​ประชุม​เป็น​ประจำ​ใน​ห้อง​ขนาด 12 ตาราง​เมตร​ที่​ติด​กับ​บ้าน​ของ​ยานีตา. ครั้ง​หนึ่ง มี​คน​เข้า​ไป​นั่ง​กัน​ใน​ห้อง​เล็ก ๆ นั้น​ถึง 42 คน. และ​เพื่อ​จะ​ไม่​รบกวน​เพื่อน​บ้าน เรา​จึง​ปิด​หน้าต่าง​ขณะ​ที่​ร้อง​เพลง​ราชอาณาจักร. หลาย​ครั้ง เมื่อ​ข้าง​นอก​อากาศ​ร้อน ใน​ห้อง​นั้น​ก็​จะ​ร้อน​อบอ้าว​มาก แต่​เรา​ก็​มี​ความ​สุข​ที่​ได้​อยู่​ด้วย​กัน.

พระ​พร​จาก​พระ​ยะโฮวา

ผม​นิยม​ชม​ชอบ​ยานีตา​ที่​เธอ​มี​ความ​กระตือรือร้น​ใน​การ​นมัสการ​แท้ และ​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ความ​รัก​ของ​เรา​ก็​งอกงาม​ขึ้น. เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​วัน​ที่ 11 พฤษภาคม 1996. แม้​เรา​ต่าง​กัน​ด้าน​บุคลิกภาพ เรา​ก็​ส่ง​เสริม​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ได้​อย่าง​ดี​เยี่ยม. เธอ​เป็น​เพื่อน​สนิท​ที่​สุด​ของ​ผม​และ​เป็น​ผู้​ช่วย​ที่​ดี. ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทรง​ประทาน​ภรรยา​ให้​ผม​ซึ่ง ‘ค่า​ของ​เธอ​นั้น​ล้ำ​กว่า​ทับทิม​อีก.’—สุภาษิต 31:10

เพื่อน​เก่า​ของ​ผม​บาง​คน​มี​อาชีพ​เป็น​จิตรกร ซึ่ง​ครั้ง​หนึ่ง​ผม​เคย​ใฝ่ฝัน​วิถี​ชีวิต​แบบ​นี้. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ขอบคุณ​ที่​ผม​ได้​เลือก​งาน​ประจำ​ชีพ​ที่​ผม​ถือ​ว่า​ดี​กว่า. ผม​ได้​ช่วย​หลาย​คน​พบ​จุด​มุ่ง​หมาย​ใน​ชีวิต และ​ตอน​นี้​พวก​เขา​กลาย​เป็น​พี่​น้อง​ของ​ผม​ซึ่ง​มี​ความ​เชื่อ​เดียว​กัน. ชื่อเสียง​หรือ​การ​ยอม​รับ​นับถือ​ใด ๆ ที่​ผม​อาจ​ได้​รับ​ใน​ฐานะ​จิตรกร​ไม่​อาจ​เทียบ​ได้​กับ​พระ​พร​ที่​ผม​ได้​รับ​ใน​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. ผม​มี​ความ​สุข​ที่​ได้​มา​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า จิตรกร​องค์​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 14 ทั้ง​สอง​เล่ม​จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา. หนังสือ​ชีวิต​ตลอด​ไป งด​พิมพ์​แล้ว.

^ วรรค 22 ใน​ปี 1998 หลัง​จาก​ยื่น​อุทธรณ์​ต่อ​ศาล​สิทธิ​มนุษยชน​แห่ง​ยุโรป​ใน​เมือง​สตราสบูร์ก องค์การ​ศาสนา​พยาน​พระ​ยะโฮวา​จึง​ได้​รับ​การ​จด​ทะเบียน​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​บัลแกเรีย.

[ภาพ​หน้า 12]

กับ​ยานีตา ภรรยา​ของ​ผม